ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

การเรียนให้เก่งขึ้น


การเรียนให้เก่งขึ้น

การเรียนเก่งในที่นี้ หมายถึงเรียนเก่งกว่าเดิมการเรียนให้เก่งขึ้นกว่าเดิม กล่าวคือเมื่อนักเรียนได้รับรู้วิธีการที่จะทำให้เรียนเก่งขึ้น และปฎิบัติได้ตลอดไปนักเรียนผู้นั้นก็จะเข้าใจในบทเรียน และสอบได้คะแนนดีขึ้น การที่จะเรียนเก่งขึ้นได้นั้นต้องฝึกตนเองให้สัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้คือ 1. การแบ่งเวลา 2. การทำการบ้าน 3. วิธีทบทวนบทเรียน 4 . ห้องสมุดกับการเรียนเก่ง 5. การดูหนังสือเตรียมสอบ 6. การพัฒนาความจำเพื่อให้เรียนเก่ง

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

วิธีเรียนให้สนุก


วิธีเรียนให้สนุก

วิธีเรียนให้สนุก ให้ความสำคัญกับหนังสือเรียน การเรียนควรเริ่มต้นจากการสำรวจว่า ตนเองชอบเรียนอะไร เก่งวิชาไหน อ่อนวิชาไหน เมื่อรู้จุดอ่อนของตัวเองแล้วก็ค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไข การเรียนโดยไม่อ่านหนังสือเรียนก็เปรียบเหมือนการว่ายน้ำโดยไม่อบอุ่นร่างกายก่อน การอบอุ่นร่างกายก่อนลงน้ำจะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิของน้ำได้ เช่นเดียวกับการอ่้านหนังสือก่อนเข้าเรียน จะทำให้เข้าใจเนื้อหาและส่วนสำคัญของบทเรียนได้เร็วขึ้น การเรียนควรเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเรียนให้ลึกซึ้ง เราต้องอ่านหนังสือก่อนจึงจะรู้ว่่าทบทวนเรื่องอะไร และทำให้แนวข้อสอบ แต่มีนักเรียนจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับการตอบคำถามถูกเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่าคำถามนั้นๆมีที่มาที่ไปอย่างไร ดังนั้นหากวิเคราะห์เนื้อหาในหนังสือเรียน ลองตั้งคำถามหรือเก็งข้อสอบแล้วตอบคำถามด้วยตนเอง จะช่วยให้การเตรียมตัวสอบได้ผลดี.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

วิธีผ่อนคลายฝึกความจำ


วิธีผ่อนคลายฝึกความจำ

1. ออกกำลัง การออกกำลังแบบแอโรบิค หรือออกกำลังต่อเนื่อง เช่น วิ่งเหยาะ ฯลฯ นาน 20-30 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ 2. ฝึกคลายเครียด (relaxation) การฝึกสมาธิ ไทเกก โยคะ ซึ่งช่วยทำให้การหายใจเข้า – ออกช้าลงอย่างน้อยวันละ 10 นาที 3. ฝึกแสดงความชื่นชม (appreciation/ “แอพพรีชิเอ๊เชิ่น”) การแสดงความชื่นชมควรเน้นที่การกระทำ ไม่ว่าใครทำอะไรดีๆ ควรแสดงความชื่นชมเสมอ เพื่อฝึกการมองโลกในแง่ดี คนที่ต้องชื่นชมก่อนคนอื่นทั้งหมดคือ ชื่นชมตัวเราเองเวลาเราทำอะไรดี ๆ และชื่นชมคนรอบข้าง 4. หาเครือข่ายสังคม (social network) เครือข่ายสังคมดีๆ ช่วยให้เรามองโลกในแง่ดี และช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข จึงควรเลือกคบเพื่อนดี ๆ ญาติดี ๆ และเครือข่ายสังคมดี ๆ เช่น เครือข่ายพวกเราบน Gotoknow ฯลฯ 5. ใช้ปฏิทินวางแผน ว่าจะทำอะไรก่อนหลังลงบนปฏิทิน อย่าปล่อยให้เรื่องวุ่น ๆ รกสมองจนล้นทะลัก 6. ลำดับความสำคัญ (list) เขียนไปเลยว่า จะทำอะไรก่อน – หลังอะไรสำคัญ – ไม่สำคัญ แบ่งเป็น 4 ช่อง และเลือกทำสิ่งที่รีบด่วน + สำคัญก่อนเสมอ 7. ให้รางวัลตัวเองบ้าง เวลาเราทำอะไรดี ๆ สำเร็จ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรฝึกให้รางวัลตัวเองบ้าง ผู้เขียนมักจะให้รางวัลตัวเองด้วยการกล่าว “สาธุ สาธุ สาธุ” กับตัวเอง หรือเดินเล่น (10-120 นาที) 8. เลือกแต่สิ่งดี ๆ (prioritize) เวลาไปงานหรือพบปะคนมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องจำคนทุกคนให้ได้ เช่น ถ้าพบคน 25 คน เลือกจำคนดีๆ ที่ควรคบ 5 คนก็พอ ฯลฯ 9. นอนให้พอ คนส่วนมากต้องการนอนวันละ 7 ชั่วโมง (แต่ละคนไม่เท่ากัน) ลองสังเกตดูว่า นอนเท่าไหร่ที่จะทำให้สดชื่น และไม่ง่วงตอนบ่าย ๆ แต่อย่านอนเกินวันละ 9 ชั่วโมง การนอนมากเกินทำให้อัตราตายจากโรคต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้ 10. ข่าวดี คือ ไม่มียาหรืออาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มความจำได้ แม้แต่โสมก็ไม่ช่วย มีแต่ “ซองใส่ยา” หรือรองเท้าดี ๆ สักคู่ ใส่มันเดินมาก ๆ วิ่งมาก ๆ ซองใส่ยานี้อาจช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ในระยะยาว.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เคล็ดลับในการเรียนและทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์


เคล็ดลับในการเรียนและทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์

เคล็ดลับในการเรียนและทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ 1.วิเคราะห์ใจความสำคัญของโจทย์ให้เป็น 2.หลังจากทำแบบฝึกหัดแต่ละข้อเสร็จ ให้ย้อนกลับมาตรวจทานอีกครั้ง 3.อ่านโจทย์ให้เข้าใจถูกต้อง แม่นยำ 4.ฝึกจดวิธีคำนวณไว้อ่านทบทวนให้เป็นนิสัย ขั้นตอนสำคัญ ขั้นตอนที่ 1. ในเวลาเรียนจะต้องตั้งใจฟังครูสอน หรือถ้าเวลาอ่าน ก็ต้องมีการคิด ตั้งคำถาม จดบันทึกวิธีการทำ แต่ถ้าหากไม่เข้าใจก็ควรจดคำถามเอาไว้เพื่อคิดค้นคว้า หาคำตอบให้ได้หรือไปถามผู้รู้(ครูหรือเพื่อนที่เก่งกว่า) ขั้นตอนที่ 2. จะต้องหมั่นดูหนังสือและทำการบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรจะหามุมสำหรับการอ่านหนังสือหรือทำการบ้านที่เหมาะสมกับที่เราชอบเพราะเราจะสามารถทำในสิ่งนั้นได้ดีหากเราชอบ ขั้นตอนที่ 3. จะต้องจัดเวลาสำหรับการทบทวนในสิ่งที่ได้เรียนมา และควรอ่านล่วงหน้าในสิ่งที่จะเรียนต่อไป ซึ่งถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ก็ควรให้รางวัลตัวเอง อย่างเช่น ได้กินขนมที่ชอบ ได้ฟังเล่นกับเพื่อนๆ ได้ฟังเพลงที่ชอบ ได้ดูทีวีดูหนังดูละครที่ชอบ ได้เล่นกีฬา อย่างนี้ เป็นต้น แต่ถ้าหากไม่สามารถทำได้ตามที่ได้กำหนดก็ควรหาเวลาชดเชยให้ครบตามที่กำหนดเอาไว้ ขั้นตอนที่ 4. จะต้องทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมากับเพื่อนๆ จงอย่าคิดที่จะหวงวิชา และควรจะแบ่งปันความรู้เพื่ออธิบายให้เพื่อนๆฟังและฟังเพื่อนๆอธิบายด้วย อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด อย่างเช่น การทุจริตเวลาสอบ หรือการให้เพื่อนลอกงานโดยที่ไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่ได้ทำ ขั้นตอนที่ 5. จะต้องศึกษาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ต้องเรียนรู้จากครูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในการศึกษาด้วยตัวเองจากตำราในหลายๆ เล่มนั้น จะต้องทำความเข้าใจและจดสาระที่สำคัญๆ ลงในโน้ตย่อเอาไว้ด้วย จดสิ่งที่ไม่เข้าใจเอาไว้เพื่อที่จะได้ค้นคว้าต่อไป แต่ถ้าหากต้องการเชี่ยวชาญวิชาคณิตศาสตร์ ก็จะต้องหมั่นหาโจทย์แปลกๆใหม่มาทำให้มาก ก็จะทำให้เราได้ฝึกตัวเองให้เก่งขึ้นได้รู้เยอะขึ้นอีกด้วย ขั้นตอนที่ 6. อย่างที่ รู้กันว่าวิชาคณิตศาสตร์นั้นจะต้องมีสูตรในการหาในโจทย์คำถาม และมีทฤษฎีอีกมากมาย จะทำอย่างไรจึงจะสามารถจำได้หมด คำตอบก็คือ ก็จะต้องเรียนด้วยความเข้าใจให้ได้ หลังจากนั้นก็ต้องหมั่นทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมา และจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ การจำและการลืมก่อน จึงจะสามารถทำให้จำได้.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เหตุผลที่ต้องเรียนหนังสือให้เก่ง


เหตุผลที่ต้องเรียนหนังสือให้เก่ง

ทำไมเราต้องเรียนหนังสือให้เก่ง
-ถ้าเรียนเก่งจะเกิดความมั่นใจในตัวเอง
-การเรียนเก่งบ่งบอกอนาคตได้
-การเรียนเก่งช่วยพัฒาศักภาพของสมอง
-การเรียนเก่งจะทำให้เป็น(ู้ใหญ่เร็วขึ้น
-การเรีนเก่งช่วยพัฒาคุณภาพชีวิต
-การเรียนเก่งทำให้ฉลาดขึ้น
-การเรียนเก่งจะมีความสามารถมากหลายๆด้าน
-การเรียนเก่งเป็นแรงผลักดันให้ชนะความลำบาก
คนเรียนเก่งจะเกิดทัศนคติที่ดีกับตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ความภาคภูมิ ความมั่นใจในตัวเอง เป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา รู้จักคิด เลามีปัญหา รู้จักแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล รู้จักคิดววิเคราะห์ พัฒนาความสามาถด้านต่างๆ เรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็ว ทำให้มีความสามารถหลายด้าน มีไหวพริบในการเอาตัวรอดในยามคับขัน ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นที่ยอมรับของสังคม.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS